แมวเป็นโรคตับ สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
อาการแมวเป็นโรคตับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น แมวกินสารพิษเข้าไป พยาธิใบไม้ในตับ พยาธิเม็ดเลือด กินอาหารไขมันสูง แมวมีอายุมาก เป็นต้น รพส ดารินรักษ์ มีบริการรักษาแมวเป็นโรคตับโดยสัตวแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยในการวินิจฉัย เช่น เครื่อง (x-ray) เครื่องอัลตร้าซาวด์ (ultrasound) เครื่องเอคโค่ (echo) แมว ด้วยระบบดิจิตอลที่มีความชัดสูงเพื่อใช้ในการวิเคราะห์สาเหตุ
รักษาแมวเป็นโรคตับ
สาเหตุที่แมวเป็นโรคตับ เกิดจากอะไรได้บ้าง
แมวกินสิ่งที่มีสารพิษเจือปน
มักเกิดจากการที่แมวได้รับสารพิษซึ่งอาจจะมาจากสิ่งแวดล้อมหรือกินอาหารที่มีสารพิษเจือปน ซึ่งทำให้เกิดอาการตับอักเสบหรือตับถูกทำลาย (Hepatic necrosis) ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน ควรพาแมวไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์อย่างเร่งด่วน
ตับมีบทบาทในการดูดซับและกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย แต่เมื่อมีการกินสารพิษเข้าไปเป็นจำนวนมาก ตับอาจจะไม่สามารถจัดการกับสารพิษเหล่านี้ได้ ทำให้เกิดการทำลายตับ อาจทำให้เกิดอาการตับวาย (hepatic encephalopathy) และอาจนำไปสู่การสูญเสียชีวิตในกรณีที่รุนแรง
การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ (Hepatic Fascioliasis)
แมวสามารถติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ (Fasciola hepatica / Fasciola gigantica) จากการกินน้ำหรืออาหารที่มีไข่พยาธิเจือปน ไข่ของพยาธิจะเจริญเติบโตในตับกลายเป็นพยาธิที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายใบไม้ ทำให้แมวเกิดอาการตับอักเสบและทำลายเนื้อตับ (hepatic parenchymal damage) ทำให้เกิดภาวะตับวาย (hepatic encephalopathy)
การติดเชื้อพยาธิเม็ดเลือดในแมว
การติดเชื้อพยาธิเม็ดเลือดในแมวมักเกิดจากพยาธิชนิด Haemoproteus หรือ Babesia พยาธิเหล่านี้จะทำลายเม็ดเลือดแดง ก่อให้เกิดอาการโลหิตจาง และเข้าไปในตับของแมว ทำให้เกิดการอักเสบและทำลายเนื้อตับ (hepatic parenchymal damage) ส่งผลให้การทำงานของตับด้อยลง (hepatic dysfunction) เกิดภาวะตับวาย (hepatic encephalopathy)
การกินอาหารที่มีไขมันสูง
แมวที่กินอาหารที่มีไขมันสูงอาจทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับ (hepatic lipidosis) เนื่องจากมีการสะสมไขมันในตับมากจนเกินไป แมวควรกินอาหารที่มีโปรตีนสูง เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆในร่างกายของแมว นอกจากนี้ยังช่วยในการป้องกันการสะสมไขมันในตับ โปรตีนสามารถช่วยในการยับยั้งการติดเชื้อ และการเจริญเติบโตของเซลล์ตับใหม่ (hepatocyte regeneration) หลังจากการทำลาย
แมวมีอายุมาก
แมวที่มีอายุมากมักมีความเสี่ยงในการเกิดโรคตับสูงขึ้น เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันและการฟื้นฟูของตับลดลง (hepatic regeneration) การทำงานของตับที่ลดลง (hepatic dysfunction) สามารถนำไปสู่การสะสมของสารพิษและไขมันในตับ ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ (hepatic lipidosis)
สาเหตุอื่นๆ
สาเหตุอื่นๆที่อาจทำให้แมวเป็นโรคตับ ได้แก่ การผิดปกติทางพันธุกรรม (genetic predispositions) การผิดปกติทางกายภาพ เช่น การอุดตันของท่อน้ำดี (bile duct obstruction) ทำให้น้ำดีไม่สามารถไหลผ่านไปยังลำไส้เล็กได้ ภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน (acute hepatitis) การเป็นโรคตับตั้งแต่กำเนิด (congenital liver disease) ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ทำให้แมวมีความเครียด เช่น การย้ายบ้าน การเปลี่ยนเจ้าของ เป็นต้น
แมวเป็นโรคตับมีอาการอย่างไร?
แมวที่เป็นโรคตับมีอาการบางอย่างที่สามารถสังเกตได้ เช่น อาการอ่อนเพลีย แมวนอนมากขึ้นผิดปกติ ซึมลง อาเจียน ท้องเสีย น้ำหนักลดลง เนื่องจากตับไม่สามารถทำงานในการดูดซึมอาหารได้ดี หนังหูและเยื่อบุตากลายเป็นสีเหลืองหรือที่เรียกว่า jaundice เนื่องจากการสะสมของ bilirubin ในร่างกายแมว
วิธีรักษาแมวเป็นโรคตับ
รักษาแมวเป็นโรคตับเป็นกระบวนการรักษาที่ค่อนข้างใช้เวลาและความอดทน และแมวต้องได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมอ วิธีการรักษาโรคตับขึ้นอยู่กับในแต่ละกรณี โดยหมอที่รักษาแมวจะต้องทำการวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนที่จะทำการรักษาแมวเป็นโรคตับ เช่น ทำการตรวจเลือด (blood tests) การทำอัลตร้าซาวด์ (ultrasound) การเจาะตับเพื่อตรวจหาความผิดปกติ เป็นต้น
หลังจากตรวจสาเหตุของอาการตับอักเสบ (hepatitis) และทราบความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น สัตวแพทย์จะทำการรักษาโรคตับตามสาเหตุที่พบ และรักษาอวัยวะส่วนอื่นของร่างกายที่อาจเป็นผลกระทบจากโรคตับ
และควรปรับเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารพิเศษที่ง่ายต่อการย่อย (hepatic diet) และมีสารอาหารที่สำคัญเพื่อช่วยในการฟื้นฟูตับ
โรงพยาบาลสัตว์ ดารินรักษ์ (Darin Animal Hospital)
214 ซ.ประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 10 (รามอินทรา 14) จรเข้บัว ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230